วันศุกร์ที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2556

The Geometer's Sketchpad
( ซอฟต์แวร์สำรวจเชิงคณิตศาสตร์)





                นวัตกรรมทางการศึกษานั้นมีมากมายที่จะนำมาใ้ช้ประโยชน์กับการศึกษา  สำหรับในทางวิชาคณิตศาสตร์นั้น นวัตกรรมที่มาใหม่และกำลังเป็นที่นิยมใช้ในโรงเรียนอย่างแพร่หลายอยู่นั้น และได้รับการกล่าวถึงอย่างมากในช่วงนี้คงหนีไม่พ้น  GSP ( Geometer's Sketchpad )


GSP ( Geometer's Sketchpad )  มาได้ยังไง แล้วมันคืออะไร ทำไมถึงต้องใช้


                       เนื่องจากสภาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ( สสวท ) ตระหนักในความสำคัญของการส่งเสริมให้ครูคณิตศาสตร์ใช้เทคโนโลยีช่วยในการจัดการเรียนการสอนคณิตศาสตร์ในชั้นเรียน และได้พิจารณาให้เห็นว่า The Geometer's Sketchpad เป็นเครื่องมือหนึ่งที่จะช่วยพัฒนาความคิดริเริ่มและสร้างสรรค์ในทางคณิตศาสตร์ของนักเรียนและนักเรียนจะได้มีปฎิสัมพันธ์กับสื่อิการสอนที่สร้างขึ้นจากโปรแกรมหรือกับโปรแกรมโดยตรงด้วยการสร้างภาพเคลื่อนไหวที่ใช้หลักการทางคณิตศาสตร์และมีโอกาสวิเคราะห์ความสมเหตุสมผลในการสร้างงานและผลงานของตนเอง

              โปรแกรม  The Geometer's Sketchpad ( GSP ) เป็นโปรแกรมคณิตศาสตร์ที่ผลิตจากสหรัฐอเมริกา มีใช้อย่างแพร่หลายกว่า 50 ประเทศทั่วโลก อีกทั้งบรรจุอยู่ในหลักสูตรวิชาคณิตศาสตร์ระดับต่างๆ ถึง 10 ประเทศ สามารถนำไปใช้ในวิชาคณิตศาสตร์ได้หลายวิชา เช่น วิชาเรขาคณิต พีชคณิต ตรีโกณมิติ และแคลคูลัส

                   GSP เป็นสื่อเทคโนโลยีที่ช่วยให้ผู้เรียนมีโอกาสเรียนคณิตศาสตร์โดยการสร้างองค์ความรู้ด้วยตนเอง ( Construct Approach ) โดยเน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ ( Learner-Centered Learning) โปรแกรม GSP เป็นสื่อที่ช่วยให้ผู้เรียนพัฒนาทักษะของการนึกภาพ ( Visualization ) ทักษะของกระบวนการแก้ปัญหา ( Problem Solving Skills ) นอกจากนี้การใช้โปรแกรม GSP ในการเรียนการสอนคณิตศาสตร์เป็นการบูรณาการสาระที่เกี่ยวข้องกับความรู้คณิตศาสตร์ และทักษะด้านเทคโนโลยี เข้าด้วยกัน ทำให้ผู้เรียนมีโอกาสพัฒนาพหุปัญญาอันได้แก่ ปัญญาทางภาษา ด้านตรรกศาสตร์ ด้านมิติสัมพันธ์ และด้านศิลปะ








        ซึ่งในการศึกษา  The Geometer's Sketchpad ( GSP ) เพื่อนำมาใช้ในการศึกษานั้นสามารถหาได้ทั่วไป และทาง สสวท ก็จัดทำลิงค์เว็บไซต์เกี่ยวกับการศึกษา  The Geometer's Sketchpad ( GSP ) ไว้ตามลิงค์ต่อไปนี้   http://www3.ipst.ac.th/sketchpad/index.phpoption=com_content&view=article&id=168&Itemid=181



มุมเก็บตก ที่อยากนำเสนอ ^^


                   จากการจัดงาน การประชุมวิชาการวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ ในโรงเรียน  ( วทร )ครั้งที่ 21 ดิฉันได้ไปเจอกับสิ่งใหม่ที่สามารถนำมาใช้กับการศึกษาได้ หรือเราอาจเรียกว่านวัตกรรมที่กำลังเกิดขึ้นกับทางการศึกษาของประเทศเรานั้นเอง

ซึ่งสิ่งใหม่ที่ฉันพบเจอ เป็นApplication ที่สามารถใช้กับมือถือสมาร์ทโฟนทุกรุ่นและแท็บแล็ตที่สามารถโหลดAppที่ชื่อว่า edutool ซึ่งเมื่อเราโหลดAppนี้มาแล้วนั้น เราก็สามารถนำจอภาพที่อยู่ในApp ไปส่องไว้กับกระดาษที่เป็นชุดสื่อการเรียนการสอน ที่เป็นสำหรับเฉพาะ Application นี้ รูปที่จะขึ้นในจอโทรศัพท์หรือแท็บแล็ตนั้น จะแสดงออกมาเป็นภาพสามมิติ และมีเสียงประกอบอีกด้วย ดังรูปต่อไปนี้




              จึงเห็นได้ว่าหากโลกเรายังมีการพัฒนาทางเทคโนโลยีและ การศึกษาในทุกมุมก็ยังคงดำเนินต่อไป  นวัตกรรมใหม่ๆก็จะขึ้นได้ตลอดเวลา และสร้างขึ้นเพื่อเป็นสิ่งเสริมสร้างและเติมเต็มการเรียนการสอนให้ดียิ่งขึ้นต่อไป  ดังนั้นครูจึงมีความจำเป้นที่จะต้องปรับเปลี่ยนตนเองให้เท่าทันยุคสมัย ศึกษาหาข้อมูลที่จะนำมาใช้ในการเรียนการสอนอยู่ตลอดเวลา  และจัดการเรียนการสอนที่ตอบรับความล้ำสมัยของเทคโนโลยีและนวัตกรรม 






วันศุกร์ที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2556

Change of Technology

การเปลี่ยนแปลงด้านเทคโนโลยีสารสนเทศมีผลต่อกระบวนทัศน์ทางการศึกษาและต่อตนเองอย่างไร






"เทคโนโลยีสารสนเทศ"




  เมื่อพูดถึงคำว่าเทคโนโลยีสารสนเทศนั้นหลายๆคนคงเกิดความสับสนว่าเทคโนโลยีสารสนเทศ เหมือนกับเทคโนโลยีหรือไม่ หรือว่าความหมายของเทคโนโลยีสารสนเทศเหมือนกับนวัตกรรมอีกหรือไม่ ซึ่งความคิดนี้อาจเกิดขึ้นกับหลายๆคน เพราะในสังคมปัจจุบันกลุ่มคนต่างๆนั้น มักจะได้ยินได้ฟังคำว่าเทคโนโลยีสารสนเทศนี้มาจากสื่อต่างๆโดยไม่ได้เข้าใจถึงความหมายของคำว่าเทคโนโลยีสารสนเทศอย่างถูกต้อง ว่าเป็นอย่างไร



          เทคโนโลยีสารสนเทศ หมายถึงการนำเอาเทคโนโลยีมาใช้สร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสารสนเทศ ทำให้สารสนเทศมีประโยชน์   และสามารถใช้งานได้กว้างขวางมากขึ้น     เทคโนโลยีสารสนเทศรวมไปถึุงการใช้เทคโนโลยีด้านต่างๆ ที่จะรวบรวม จัดเก็บ ใช้งาน ส่งต่อ หรือสื่อสารระหว่างกัน เทคโนโลยีสารสนเทศเกี่ยวข้องโดยตรงกับเครื่องมือในการจัดการสารสนเทศ ซึ่งได้แก่ คอมพิวเตอร์  โทรทัศน์ วิทยุ โทรศัพท์ โทรสาร หนังสือพิมพ์ นิตยสารต่าง ๆ 





แต่ถ้าจะพูดง่ายๆให้เข้าใจกัน เทคโนโลยีสารสนเทศก็คือ การนำเทคโนโลยีมากระทำกับข้อมูลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเพื่ออำนวยความสะดวก


เมื่อเราได้ทราบความหมายที่แท้จริงของเทคโนโลยีสารสนเทศแล้ว เราจึงรู้ว่าเทคโนโลยีสารสนเทศนั้นมีบทบาทสำคัญในสังคมโลกมากเพียงใด อีกทั้งเทคโนโลยีสารรสนเทศยังส่งผลกระทบต่อด้านต่างๆ เช่นด้านสังคม วัฒนธรรม เศรษฐกิจ การเมือง และการศึกษา เป็นต้น



ในที่นี้เราจะกล่าวถึงการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีสารสนเทศว่ามีผลต่อกระบวนทัศน์ทางการศึกษาอย่างไร และมีผลต่อตนเองอย่างไร




การเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยีสารสนเทศกับกระบวนทัศน์ทางการศึกษา



>> กระบวนทัศน์การศึกษาเดิม <<


        หากเราย้อนกลับไปนึกถึงการศึกษาในยุคก่อนนั้น เราคงมองเห็นภาพห้องเรียนที่มีโต๊ะไม้ ห้องเรียนมีกระดานดำ ไว้สำหรับให้ครูผู้ใช้เป็นสื่อในการเรียนการสอน  องค์ความรู้หลักที่ผู้เรียนจะได้รับก็ต้องขึ้นอยู่กับครูผู้สอนและหนังสือประกอบการเรียน แหล่งค้นคว้าหาความรู้ก็มีห้องสมุดเป็นหลักและหนังสือที่ได้รับการแนะนำจากครูผู้สอน  ดังนั้นการเรียนการสอนก็ขึ้นอยู่กับครูผู้สอนเป็นหลัก  จึงเห็นได้ว่าความรู้ที่เด็กจะได้รับนั้นก็ต้องขึ้นอยู่กับความสามารถของครูผู้สอนและความใฝ่รู้ของตัวนักเรียนเองด้วย  และความรู้ก็อยู่ในมุมมองแคบๆแบบเดิมๆ ไม่ทั่วถึงองค์ความรู้จากทั่วทุกมุมโลก


   เมื่อโลกมีการเปลี่ยนแปลง สิ่งต่างๆและองค์ประกอบต่างๆบนโลกย่อมมีการเปลี่ยนด้วยไม่ว่าจะเป็นด้านสังคม วัฒนธรรม เศรษฐกิจ แม้กระทั่งการศึกษาของเรานั้นก็มีการเปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ เราจะเห็นได้ชัดว่าการศึกษามีการเปลี่ยนแปลงเ่มื่อรับอิทธิพลจากสภาพแวดล้อมของเทคโนโลยี ซึ่งสามารถอาศัยสื่อที่ทันสมัยมาใช้ในการจัดการเรียนการสอน เพื่ออำนวยความสะดวกและก่อให้เกิดประโยชน์กับการศึกษา







กระบวนทัศน์ทางการศึกษาเปลี่ยนแปลงอย่างไรเมื่อมีอิทธิพลของเทคโนโลยีสารสนเทศ ?



         จากอิทธิพลของเทคโนโลยีสารสนเทศที่ได้หลั่งไหลเข้าสู่สังคมโลกนั้น ทำให้การศึกษาได้อาศัยสื่อที่ทันสมัยทางด้านโทรคมนาคมและการสื่อสาร  เครือข่ายอินเตอร์เน็ต มาใช้ในการจัดการศึกษา  จึงจึงทำให้จากห้องเรียนที่ยึดครูเป็นองค์ความรู้หลักในการจัดการเรียนการสอนนั้น ก็ได้มีการเปลี่ยนแปลงโดยนำเครือข่ายเชื่อมโยงข้อมูลด้านสารสนเทศต่างๆมาใช้จนก่อให้เกิดเป็นแหล่งความรู้ที่นักเรียนสามารถศึกษาหาความรู้เองได้ อีกทั้งยังเป็นการช่วยเปิดโลกทัศน์ต่างๆในการจัดการเรียนการสอนอีกด้วย


อย่างเช่นในด้านการโทรคมนาคมและการสื่อสารนั้น ได้พัฒนาเข้ามามีส่วนช่วยในเรื่อวงการการศึกษา เช่น ระบบคอมพิวเตอร์ช่วนสอน การค้นหาความรู้ข้อมูลใน world wide web  และในการเรียนการสอนนั้นยังนำเทคโนโลยีสมัยใหม่เข้ามาแทนสิ่งเก่า เช่น การนำโปรเจคเตอร์เข้ามาช่วยในการสอน คอมพิวเตอร์ ระบบสื่อมัลติมีเดีย ทำให้ห้องเรียนดูเป็นห้องเรียนสมัยใหม่ที่มีความหลากหลายน่าสนใจมากยิ่งขึ้น


         เมื่อเทคโนโลยีสารสนเทศเข้ามายังส่งผลประโยชน์ต่อการศึกษามากมาย ช่วยให้คุณภาพการเรียนรู้เพิ่มมากขึ้น สื่อทางการศึกษาที่นำมาใช้ช่วยสร้างเร้าความสนใจและสร้างแรงจูงใจในการเรียนให้ดีขึ้นและการเรียนรู้จากสื่อ ทำให้ผู้เรียนมีความเข้าใจเนื้อหา  จำได้นาน ทั้งยังเรียนรู้เร็วขึ้นอีกด้วย และยังส่งเสริมระดับความเท่าเทียมของการศึกษา เช่นการศึกษาของชนบทที่ห่างไกลก็สามารถเรียนได้จากการศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียม ซึ่งทำให้เกิดความเท่าเทียมทางการศึกษามากยิ่งขึ้น การศึกษายังสามารถเรียนรู้ข้อมูลได้จากทั่วโลกโดยไม่เสียเวลาในการค้นคว้าหรือค้นหาเหมือนสมัยก่อน และผู้เรียนยังสามารถเรียนรู้ได้อย่างอิสระตามเรื่องราวที่ตนเองสนใจได้อีกด้วย ส่งเหล่านี้ล้วนเป็นประโยชน์ที่เกิดขึ้นจากการนำเทคโนโลยีสารสนเทศมาใช้ให้เกิดประโยชน์ในทางที่ถูกที่ควร แต่ก็ใช่ว่าเทคโนโลยีสารสนเทศจะมีประโยชน์อย่างเดียวเท่านั้น หากเราใช้ไม่เป็น ควบคุมไม่ได้บางครั้งเทคโนโลยีอาจก่อเกิดโทษให้กับผู้เรียนก็เป็นไปได้อีกด้วย



สิ่งสำคัญที่เกิดขึ้นกับการศึกษาเมื่อเทคโนโลยีสารสนเทศเข้ามามีบทบาทนั่นคือการศึกษามีอยู่รอบๆตัว สามารถค้นหาและเรียนรู้ได้ตลอดเวลาจากเทคโนโลยีที่มีอยู่ และการศึกษาเกิดได้กับทุกวัย  จึงจัดได้ว่าการศึกษาเกิดขึ้นตลอดชีวิตสำหรับทุกๆคน



       ในทุกวันนี้หากโลกยังคงหมุนเวียนเปลี่ยนไปเรื่อยๆ  การพัฒนาทางเทคโนโลยีก็ไม่มีวันสิ้นสุดเหมือนกัน ดังนั้นการศึกษาเราก็จำเป็นที่จะต้องพัฒนาและนำเทคโนโลยีมาใช้ให้เกิดประโยชน์เพื่อส่งผลที่ดีในนการเรียนการสอน ในอนาคตต่อไป



การเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีสารสนเทศกับตนเอง

       เมื่อเกิดการเปลี่ยนของเทคโนโลยีสารสนเทศที่ส่งผลกระทบกับหลายๆด้านแล้วนั้น เราจะเห็นผลกระทบที่ชัดเจนที่สุดคือตัวเรานั่นเอง จากการเปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆของเทคโนโลยีในทุกวันนี้ ทำให้ตัวของดิฉันเองนั้น ต้องปรับเปลี่ยนความคิดและการกระทำต่างๆให้แตกต่างไปจากเก่าเหมือนกัน เมื่อมีการนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้นั้น สิ่งแรกที่ทำให้ดิฉันต้องปรับเปลี่ยน คือการทำความรู้จักกับเทคโนโลยี การนำเทคโนโลยีมาใช้ การเรียนการใช้งานของเทคโนโลยี  และนำสิ่งเหล่านี้มาใช้ประโยชน์กับงานของตนเองให้ดีที่สุด  




    ในยุคปัจจุบันนี้ ที่เทคโนโลยีสารสนเทศได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของดิฉัน ผลกระทบที่ดิฉันได้รับคือ ดิฉันสามาีรถใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในการเรียนรู้ศึกษาหาความรู้ และสามารถเรียนรู้ในสิ่งที่ตนเองสนใจได้อย่างอิสระจากข้อมูลข่่าวสารที่มีเครือข่ายเชื่อมโยงทั่วโลก และช่วยลดเวลาในการค้นคว้าหาความรู้ของดิฉันอีกด้วย และอีกอย่างเทคโนโลยีที่ดิฉันใช้อยู่ทุกวันนี้ก็สามารถนำมาเป็นเทคโนโลยีสารสนเทศที่ใช้เชื่อมโยงข้อมูลข่าวสารต่างๆอีกด้วย นั้นคือโทรศัพท์มือถือ ซึ่งเทคโนโลยีที่ทรงอิทธิพลมากที่สุดในขณะนี้ เพราะประโยชน์ของโทรศัพท์มือถือในปัจจุบันนี้สามารถใช้ประโยชน์ต่างๆำได้มากมาย และการพัฒนาเทคโนโลยีก็มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วจนทำให้เกิดกิเกสที่จะต้องพัฒนาเทคโนโลยีที่ตนเองที่มีอยู่เพื่อนำมาใช้ประโยชน์แและให้เท่าทันสังคมโลก อีกทั้งเทคโนโลยีสารสนเทศยังช่วยให้ดิฉันเกิดการเรียนรู้ตลอดเวลา เรียนรู้สิ่งใหม่ๆที่เ้กิดขึ้นจากทุกมุมโลกได้อย่างรวดเร็ว

      จากการพัฒนาของเทคโนโลยีที่มีการเปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆไม่มีสิ้นสุด เมื่อดิฉันนำสิ่งเหล่านี้มาเปรียบจากอดีตถึงปัจจุบันทำให้ดิฉันรู้ว่าการพัฒนาทางเทคโนโลยีคงไม่มีวันสิ้นสุด ดังนั้นดิฉันจึงต้องปรับเปลี่ยนตนเองให้เ้ป็นบุคคลที่พร้อมจะเรียนรู้ตลอดเวลาและเท่าทันสิ่งใหม่ๆที่จะเกิดขึ้นมาเรื่อยๆ






*^^ เก็บตกมุมน่ารักในโลกแห่งเทคโนโลยีสารสนเทศ  ^^*

         หลังจากปีใหม่ไม่กี่วัน ดิฉันได้ขึ้นรถไฟฟ้าแล้วก็เก็บภาพที่อยู่ตรงหน้ามาฝาก ซึ่งมองไปแล้วรู้สึกประทับใจว่าเป็นภาพที่เราจะเห็นได้น้อยมากในรถไฟฟ้า ในเมืองที่วุ่นวายที่เปี่ยมล้นไปด้วยเทคโนโลยี ผู้คนต่างพากันกดโทรศัพท์ Tablet iphone ipad แต่ก็ยังมีมุมน่ารักอยู่มุมนึงที่เรียกรอยยิ้มให้กับดิฉันได้คือมีเด็กนักเรียนหยิบหนังสือขึ้นมาอ่าน ท่ามกลางโลกเทคโนโลยี เหตุที่ทำให้ดิฉันยิ้ม เพราะคิดว่าน้อยนักที่จะมีเด็กไม่กี่คนที่จะไม่ติดเทคโนโลยีหรือมือถือ แต่หนุ่มน้อยคนนี้เค้าเลือกที่จะอ่านหนังสือบนรถไฟฟ้าตลอดทาง ซึ่งเห็นแล้วมันก็เป็นภาพประทับใจที่อยากจำนำเสนอ  ( วันที่ 3 มกราคม 2556)


        ...........................................................................................................................................