The Impact of AEC on Thailand's Undergraduate Education Management and Yourself.
(ประชาคมอาเซียนส่งผลกระทบต่อการจัดการศึกษาในระดับบัณฑิตศึกษาและต่อตนเองอย่างไร)
การก้าวกระโดดจากสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ไปสู่ประชาคมอาเซียน
นับไปว่าสร้างความฮือฮาให้กับนานาชาติมากเลยทีเดียว และรวมถึงประเทศไทยของเราอีกด้วย ซึ่งประเทศไทยของเรานั่นอยู่ในฐานะผู้ริเริ่มก่อตั้งประชาคมอาเซียน
จึงเป็นสิ่งหนึ่งที่ทำให้นานาประเทศจับตามองความเจริญก้าวหน้าและความพร้อมเข้าสู่ประชาคมอาเซียนของประเทศไทยเราเป็นอย่างมาก
เมื่อพูดถึงประชาคมอาเซียนแล้วนั่นผู้คนส่วนใหญ่มักจะนึกถึงตลาดการค้าขนาดใหญ่
การพัฒนาทางเศรษฐกิจ ภาษา และวัฒนธรรมต่างๆ ที่จะต้องเตรียมความพร้อมเพื่อก้าวเข้าสู่ประชาคมอาเซียน จากสิ่งเหล่านี้ที่ผู้คนต่างนึกถึงนั่น
เราจึงมองเห็นได้ว่าสิ่งที่เป็นพื้นฐานสำคัญในการสร้างความพร้อมให้กับสิ่งเหล่านี้นั่นคือการศึกษา
ดังนั้นการศึกษาจึงเป็นส่วนสำคัญต่อการพัฒนาและเตรียมความพร้อมของประชากรภายในประเทศไทย
ทั้งการพัฒนาหลักสูตร เพื่อผลิตบุคลากรของไทยให้มีที่มีประสิทธิภาพ
รวมทั้งการมีทักษะความรู้ที่ตรงต่อความต้องการของตลาดแรงงานในประเทศและต่างประเทศ
ที่สำคัญการพัฒนาทักษะทางด้านภาษาต่างประเทศ
โดยเฉพาะภาษาอังกฤษที่เป็นภาษาสากลใช้ติดต่อสื่อสารกันระหว่างประเทศ
รวมทั้งภาษาอื่นๆของประเทศในอาเซียน อีกทั้งการศึกษาของไทยยังต้องเตรียมความพร้อมเพื่อรองรับบุคลากรที่จะเข้ามาทำงานในประเทศไทย
และแรงงานจากประเทศเพื่อนบ้านที่จะหลั่งไหลเข้ามาในประเทศไทยเพื่อที่จะมาศึกษาวัฒนธรรม
รวมทั้งหลักสูตรต่างๆในประเทศไทยโดยเฉพาะในระดับมหาวิทยาลัย
เพื่อจะเพิ่มเติมความรู้เพิ่มความเชี่ยวชาญในการทำงาน การติดต่อกับคนไทย
และนำกลับไปใช้ในประเทศของตน เมื่อเป็นดั่งเช่นนี้แล้ว มันก็คงถึงเวลาแล้วที่คนในประเทศไทยจะย้อนเหลียวหลังหันกลับมามองตนเองและประเทศตนเอง
เหลียวหลัง แลหน้าการศึกษารับอาเซียน
คงถึงเวลาแล้วที่เราควรจะปรับเปลี่ยนและเตรียมพร้อมเพื่อการเข้าสู่ประชาคมอาเซียน จากจุดเริ่มต้นที่สำคัญนั่นคือพื้นฐานจากการศึกษา เพราะการเปิดประชาคมอาเซียนนั้นได้ส่งผลกระทบในหลายๆด้าน รวมทั้งการศึกษาของไทยอีกด้วย ก่อนอื่นเราต้องยอมรับเลยว่าการเปิดประชาคมอาเซียนนั้นส่งผลบวกอย่างมากในทางความเจริญก้าวหน้าทางเศรษฐกิจ เกิดความร่วมมือในด้านต่างๆระหว่างประเทศ แต่เมื่อเรามองกลับย้อนเหลียวหลังเราจะพบว่าสิ่งที่ตามเข้ามานอกจากเรื่องราวที่เกี่ยวกับเศรษฐกิจแล้วนั้น
ยังอาจส่งผลกระทบในแง่ลบของด้านต้างๆก็เป็นไปได้
อย่างเช่นด้านอาชญากรรม การค้าขายยาเสพติดระหว่างประเทศ
ความขัดแย้งทางศาสนาและวัฒนธรรม
ซึ่งสิ่งเหล่านี้ที่ตามมานั่นได้รับการพูดถึงในสังคมน้อยมาก อีกทั้งเมื่อมีการเปิดประชาคมอาเซียนก็จะมีหลั่งไหลเข้ามาจากผู้คนนานาประเทศ
แรงงานประเทศเพื่อนบ้าน ส่งผลให้การปรับตัวนั้นมีความสำคัญและความจำเป็นอย่างมาก
จึงทำให้เกิดความคิดขึ้นมาว่าหากปัญหาเหล่านี้ได้ตามเข้ามาในประเทศไทยจริงๆ ชนกลุ่มไหนที่อาจจะได้รับผลกระทบเป็นอย่างมาก กลุ่มคนที่ได้รับผลกระทบหนึ่งในนั่นคงหนีไม่พ้นกลุ่มเยาวชนผู้ที่ได้รับการศึกษา เราอาจจะเห็นได้ว่าเด็กไทยในปัจจุบันนี้นั้น ขาดในหลายๆด้าน อะไรบ้าง เช่น
ทักษะการคิดวิเคราะห์ สร้างสรรค์ วางแผน
ความรักการอ่าน และการทำวิจัย
คุณธรรมจริยธรรรม ระเบียบวินัย
ความเชื่อมั่นในตนเอง
การเชื่อมโยงการศึกษากับภาคแรงงาน (เรียนไปแล้วไม่รู้จะทำอะไร)
การแสวงหาความรู้ด้วยตนเอง
การแก้ปัญหาเฉพาะหน้า การแก้ปัญหาในการทำงาน
ซึ่งสิ่งเหล่านี้ย่อมเกิดขึ้นได้กับเยาวชนทุกคน
ดังนั้นความพร้อมจึงควรมาจากการศึกษาเพื่อที่จะเร่งพัฒนาความคิดของเยาวชนให้ก้าวไกลและสามารถใช้ชีวิตในประชาคมอาเซียนได้
เร่งพัฒนาฝึกฝนการแสวงหาความรู้ด้วยตนเอง การทำความรู้จักและยอมรับในวัฒนธรรมที่แตกต่างไปจากเรา
เรียนรู้ภาษาให้เป็นภาษาที่สองหรือภาษาที่สามของตนเอง
เพื่อที่จะสามารถนำไปใช้สื่อสารระหว่างประเทศได้
การศึกษาต้องเป็นแรงผลักดันและช่วยให้เกิดการเรียนรู้ในสิ่งเหล่านี้
เพื่อให้เยาวชนของไทยนั้นสามารถเผชิญปัญหา และสถานการณ์ด้วยตนเองได้
นี่เป็นเพียงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับการศึกษาไทยในอนาคต
นอกจากผลกระทบต่อการศึกษาไทยแล้วนั้น
ประชาคมอาเซียนที่กำลังเป็นกระแสอยู่ในสังคมตอนนี้ยังส่งผลกระทบต่อตัวฉันอีกด้วย
ถามตัวเองว่าพร้อมหรือยัง
ถ้าจะถามตนเองว่าพร้อมแล้วหรือยังกับการที่จะเดินเข้าไปสู่ประชาคมอาเซียน ฉันคงตอบได้อย่างชัดเจนว่าฉันคงไม่พร้อมที่จะเดินเข้าไปสู่ประชาคมอาเซียน
เพราะความตื่นตัว การเตรียมตัว การทำความรู้จักเกี่ยวกับวัฒนธรรม
ต่างๆของสมาชิกประเทศอาเซียนนั่นยังน้อยเกินไป ที่ฉันสามารถพูดไปเช่นนี้ได้เพราะฉันไปพบเจอจากประสบการณ์จริง ฉันมีโอกาสไปรับประทานอาหารร่วมกันรุ่นพี่ที่มาจากกัมพูชาซึ่งปัจจุบันนี้เขาเป็นเจ้าของธุรกิจบริษัทขายน้ำในประเทศกัมพูชา
ในเมื่อหลายปีที่แล้วที่ดิฉันรู้จักเขา เขาสามารถพูดภาษาไทยในเพียงนิดเดียว เช่น สวัสดีครับ ขอบคุณครับ แต่เมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมาเราได้เจอกัน
และได้รับฟังบทเพลงภาษาไทยซึ่งเป็นเพลงวัยรุ่นในเมืองไทย
เขาสามารถร้องเพลงได้อย่างถูกต้อง อกกเสียงชัดเจน
จึงถามว่าฝึกพูดไทยนานแล้วหรือยัง เขาตอบกลับมาว่า " ฝึกไม่นาน
แต่ฝึกเรื่อยๆจนพูดได้ " เขาก็เอ่ยปากชวนฉันไปเที่ยวกัมพูชา ฉันเลยบอกไปว่า " ไปเที่ยวได้แต่จะคุยกับคนกัมพูชาไม่รู้เรื่อง " เขาเลยบอกว่า " ไม่ต้องกลัว
คนกัมพูชาพูดไทยได้ " ดิฉันก็เลยสงสัยว่าพูดไทยได้เกือบหมดเลยเหรอ เขาตอบมาว่า " ใช่ เพราะคนกัมพูชาดูละครไทย ติดตามข่าวในประเทศไทย อ่านหนังสือภาษาไทยบ้าง
แต่คนไทยนั่นไม่เคยรู้จักคนกัมพูชา คนไทยไม่ดูละครกัมพูชา
คนไทยไม่รู้ว่าภาษากัมพูชาเป็นอย่างไร คนกัมพูชาก็เลยหัดพูดภาษาไทยเพื่อที่จะได้เข้ามาคุยกับคนไทย "
หลังจบประโยคนั้นความคิดที่เข้ามาในหัวของฉันคือนี่แค่เพียงประเทศเดียวที่ฉันได้ยินว่าเขาฝึกภาษาไทย
เขาเรียนรู้วัฒนธรรมคนไทย
แล้วจะมีอีกกี่ประเทศที่เขากำลังทำแบบนี้อย่างคนกัมพูชา
แล้วตัวเราละเคยคิดที่จะทำแบบนี้กับประเทศอื่นๆบ้างหรือไม่
หลังจากคืนนั้นฉันก็เลยรู้ตัวเองว่าความพร้อมในตนเองนั่นแทบจะไม่มี ทั้งทางด้านภาษา
วัฒนธรรม การปรับตัว การทำความรู้จักประเทศต่างๆ แต่มันก็เป็นสิ่งที่ดีที่ฉันได้มาพบเจอรุ่นพี่คนนี้อีกครั้ง
เขาทำให้ฉันรู้ว่าถึงเวลาแล้วละที่เราจะลุกจากที่นั่งที่ยังคงยึดติดว่าเรารู้อะไรมากกว่าประเทศเพื่อนบ้าน
เปลี่ยนมาเป็นการทำความรู้จัก
และมองว่าประเทศเพื่อนบ้านเรานั้นกำลังพัฒนาไปอย่างไร และเราควรจะเตรียมตัวที่จะพบกับการแข่งขันที่จะเกิดขึ้นกับตัวเราเองในการเปิดประชาคมอาเซียนแล้วหรือยัง
หากคุณอ่านเรื่องราวเหล่านี้ คุณควรที่จะลองกลับไปคิดดูว่าแล้วคุณละ หรือยัง?
|